Woman King ศึกวีรสตรีเหล็กกับกองทัพนักรบหญิง

The woman king เป็นเรื่องที่มีพวกเขาได้มีแรงบันดาลใจมาจากหน่วยรบหญิงล้วนจากเรื่องจริงที่พวกเขาพบเจอมา หน้าที่ที่พวกเขาต้องปกป้องเมืองตัวเองจากนักล่าอาณานิคมที่กำลังบุกมารุกรานแผ่นดินที่พวกเขาได้อาศัยอยู่ เนื้อเรื่องจะสนุกขนาดไหนไปฟังรีวิวกันดีกว่าเนอะ The woman king เนื้อเรื่องของหนังเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่ได้รีบร้อนอะไรแต่แปลกที่หนังดูไม่น่าเบื่อเลยขนาดยังไม่ถึงฉากบู๊อะ เพราะด้วยองค์ประกอบที่ทำออกมาโดยรวมอย่างดีแล้วเข้ากับเนื้อหาที่ว่าดีเลยละก็ยังมีพวกฉากสถานที่พวกเขาได้จัดฉากเซทมาเป็นอย่างดี สมจริงไม่ดูหลอกตาเลย ได้เห็นอะไรใหม่ๆที่เราดูแล้วนักแสดงแสดงไม่หิน สีมูดโทนสวยงามดูสบายตาไม่ปวดหัวไปมาโดยฉากตอนกลางคืนหนังดูบรรยากาศดีและหนังก็ยังพาให้เห็นวัฒนธรรมต่างๆของเมืองที่เขาปกป้อง ส่วนตัวเราชอบนะเราดูหนังแล้วมันมีความสนุกและค่อยๆเพิ่มดีกรีความมันส์ ความน่าตื่นเต้นขึ้นไปเรื่อยๆการต่อสู้มีความสมจริงมากจริงๆการฟาดฟันจ้วงดาบปาดคอที่ทำเอาเสียวคอตามกันกับกลยุทธ์สู้ด้วยมือเปล่าแบบสารพัดหลายท่ากระบวนการต่อสู้ที่คงความไม่หลุดธีม ยอมใจในการตัดต่อของเขาจริงๆเพราะเท่าที่ดูหนังมา ตัวหนังมีหลายมุมกล้องเลยค่ะ แต่ทีมงานก็ยังตัดต่อให้สมูทเข้ากันได้ดีไม่มีติดขัดเลย

ต้นเรื่องทำให้เรารู้ความเป็นมาคร่าวๆให้เราพอเข้าใจสถานการณ์ที่หนังพยามสื่อให้เราได้รู้หลังจากนั้นเป็การดำเนินเส้นเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจผ่านตัวละครที่เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย หนังดูมีเรื่องราวมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมมากๆ ถ้าพูดถึงฉากากรต่อสู้เราว่าเราดูหนังหนังไม่ได้ปล่อยฉากต่อสู้ตลอดทุกเวลาของหนัง แต่จะเป็นการต่อสู้ตามช่วงเวลาแอคชั่นของแต่ละฉาก ช่วงหลังๆ คือปล่อยของงานต่อสู้แบบจัดเต็ม ยาวๆ ไม่ควรพลาดบอกเลย ดุเดือดสุดๆ สำหรับคนชอบหนังแนวนี่บอกเลยว่า แอคชั่น ดราม่า ผสมผสานแบบค่อยๆไป ต้องดู The woman king มหาศึกสตรีเหล็ก เพราะครบรสไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆนาๆที่เขาได้เติมเขามาให้เราได้รับรู้แต่ก็ไม่ได้ประวัติศาสตร์จ๋าอะไรขนาดนั้นนะคะ เด่นๆเป็นการเตรียมต่อสู้เพื่อปกป้องอาณาจักร เติมเต็มความน่าสนใจให้กับเรื่องด้วยจุดพีคต่างๆที่จะทำให้เราลุ้นเอาใจช่วยและเสียน้ำตาให้แน่นอน หนังยาว135 นาทีไม่มีง่วงอย่างแน่นอนคอมเฟริม

เป็นหนังแอคชั่นดราม่าที่ไม่ได้เน้นฉากต่อสู้เท่าไหร่ ฉากต่อสู้จริงมีแค่ประมาณ2-3 ฉากแค่นั้นเองและมันก็ไม่ไช่การต่อสู้แบบยิ่งใหญ่อลังการอะไรขนาดนั้นแต่มันก็มีความลื่นไหลอย่างต่อเนื่อง คิวเป๊ะ ทำให้ความรู้สึกเหมือนหนังสงครามสมัยก่อนจริงๆทางด้านดราม่า เราดูหนังหนังจะเน้นหนักมาทางนี้มากกว่าเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายกับเรื่องราวไม่ว่าจะเป็นประเด็นของตัวละครหลัก การแย่งชิงอำนาจของอาณาจักร การค้าทาส เพศ ความรัก ตัวหนังพยายามมีประเด็นหลากหลายมาก จนเราก็ไม่ค่อยได้อินกับประเด็นไหนเลยถึงแม้ว่ามันมาเป็นช่วงๆเข้ามาทีละนิดทีละหน่อยจนเราไม่อินกับอะไรเลย มันก็มีความเป็นละครน้ำเน่าละครดราม่าอยู่เหมือนกันแต่ภาพรวมมันพูดถึงพลังหญิงและอิสรภาพของมนุษย์ในช่วงท้ายก็ดูอิหยังวะเหมือนกันมันดูงงไปนิดนึงในด้านบทยังมีหลายจุดที่ขัดข้องใจอยู่บ้าง แต่สิ่งที่น่าชื่นชมและเราชอบที่สุดในเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นการแสดงเพราะทัพนักแสดงแต่ละคนรับผิดชอบหน้าที่ตัวเองได้ดีมากๆจริงกับการแสดงที่ทำได้โดดเด่นมากๆ แข็งแกร่ง ดุดันไม่เกรงใจใครเลยจ้าเราว่าเขาเหมาะสมกับบทผู้นำหนังเรื่องนี้จริงๆ หลังจากที่ดูหนังแล้วเราแนะนำทุกคนไปดูนะคะ ยังไงก็น่าดูอยู่บ้างละ ไม่ได้หน้าเบื่อขนาดนั้น

Leave a Comment